การเรียนภาษาอังกฤษไม่ใช่เพียงแค่ท่องศัพท์หรือทำแบบฝึกหัด แต่สิ่งสำคัญคือการรู้ระดับความสามารถของตัวเอง ว่าอยู่ระดับไหน เพื่อจะได้เลือกวางแผนเรียนต่อหรือเตรียมสอบได้อย่างถูกทาง ปัจจุบันระบบการวัดระดับที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลคือ CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) ซึ่งแบ่งการวัดระดับภาษาอังกฤษออกเป็น 6 ระดับ ตั้งแต่เริ่มต้น A1 จนถึงขั้นสูงสุด C2
CEFR คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ?
CEFR เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการวัดระดับภาษาอังกฤษ ใช้ระบุระดับความสามารถทางภาษาได้อย่างชัดเจน แบ่งออกเป็น 6 ระดับ ตั้งแต่ A1 (Beginner) จนถึง C2 (Proficiency)
การเข้าใจระดับ CEFR จะช่วยคุณ:
- เลือกคอร์สเรียนได้ตรงความต้องการและตรงกับระดับภาษาของตนเอง
- วางเป้าหมายพัฒนาภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นขั้นตอน
- สมัครงานหรือเรียนต่อได้ตรงคุณสมบัติที่กำหนด
วัดระดับภาษาอังกฤษมีกี่ระดับ?
CEFR แบ่งการวัดระดับภาษาอังกฤษออกเป็น 6 ระดับใหญ่ ตั้งแต่ A1 จนถึง C2
ระดับ |
คำอธิบาย |
ตัวอย่างความสามารถ |
A1
(Beginner)
|
ระดับพื้นฐานที่สุด/ระดับเริ่มต้น |
- เข้าใจบทสนทนาและข้อความง่าย ๆ ได้ โดยมีภาพช่วย - แนะนำตัวเอง พูดถึงข้อมูลส่วนตัวได้ด้วยประโยคสั้น ๆ
- ตอบคำถามและพูดคุยในเรื่องที่คุ้นเคยได้ - อธิบายสิ่งรอบตัวหรือเล่าเรื่องง่าย ๆ ด้วยประโยคสั้น ๆ และภาพประกอบ
- เขียนประโยคสั้น ๆ เกี่ยวกับตัวเอง สิ่งที่ชอบไม่ชอบ หรือหัวข้อใกล้ตัวได้
|
A2
(Elementary)
|
เริ่มสื่อสารได้ในในชีวิตประจำวัน |
- สื่อสารในสถานการณ์ทั่วไป เช่น ซื้อของ, เดินทาง
- เข้าใจประโยคที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
- ใช้ประโยคต่อเนื่องได้ ไม่ติดแค่คำสั้น ๆ
- มีคลังคำศัพท์เพิ่มขึ้น
|
B1
(Intermediate)
|
เริ่มใช้ภาษาได้หลากหลาย |
- ฟังและเข้าใจคำสั่ง/การสื่อสารในชีวิตจริงได้
เช่น คำสั่งจากครู หัวหน้างาน หรือการประกาศ/พรีเซนต์ที่ไม่ซับซ้อนเกินไป
- พูดคุยและแสดงความเห็นได้ในหลายบริบท
ถามข้อมูลท่องเที่ยว ที่พัก งานง่าย ๆ จนถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อทั่วไปหรือการเรียน
- อ่านและเข้าใจบทความหรือจดหมายทั่วไป เช่น ข่าว บทความ หนังสือพิมพ์ จดหมายจากโรงแรม หรือเนื้อหาที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันและการทำงาน
- เขียนบันทึก/จดหมายเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย รวมถึงเขียนจดหมายส่วนตัว จดโน้ตการประชุม หรือสรุปงานง่าย ๆ ได้อย่างพอเข้าใจ
- ใช้ภาษาเพื่อการเรียนและการทำงานได้จริง สามารถตามเนื้อหาวิชาที่ไม่ซับซ้อนมาก ทำโน้ต จดสรุป และสื่อสารเรื่องงานในระดับพื้นฐานกลางได้
|
B2
(Upper Intermediate)
|
ใช้งานภาษาได้คล่องขึ้น |
- ฟังและเข้าใจหัวข้อที่คุ้นเคยได้ดี
ติดตามการบรรยาย บทสนทนา และถามตอบเพื่อขอข้อมูลหรือคำอธิบายเพิ่มเติมได้
- สนทนาและแสดงความคิดเห็นในหลายบริบท
พูดคุยได้หลากหลายหัวข้อ ทั้งในชีวิตประจำวัน ท่องเที่ยว หรือการทำงาน และสามารถโต้แย้ง/อธิบายเหตุผลในระดับพื้นฐานได้
- อ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อนขึ้น
อ่านข่าว สื่อ บทความ จดหมาย หรือรายงานในงาน/การเรียนได้ โดยจับใจความและรายละเอียดสำคัญได้ดี
- เขียนได้ทั้งบันทึก จดหมาย และรายงานง่าย ๆ
สามารถเขียนข้อความ แสดงเหตุผล และเริ่มต้นรายงานหรือการประเมินเชิงพื้นฐานในเรื่องงานหรือการเรียนได้
- ใช้ภาษาเพื่อการเรียนและการทำงานจริงได้
ตอบคำถามตามข้อเท็จจริง ตรวจสอบคำสั่งได้ เขียนโน้ต/สรุปสำหรับการสอบหรือเรียงความ และนำเสนอข้อคิดเห็นหรือเหตุผลโดยใช้คำศัพท์โครงสร้างภาษาที่หลากหลายขึ้น
|
C1
(Advanced)
|
ภาษาอังกฤษระดับสูง |
- ฟังและเข้าใจการสื่อสารซับซ้อนได้
ติดตามการประชุม สัมมนา การอภิปราย หรือบทสนทนาที่มีเนื้อหายาก และเข้าใจแม้มีความเห็นที่ซับซ้อน
- สนทนาและโต้แย้งได้อย่างมั่นใจ
สามารถคุยยาว ๆ ในหัวข้อทั่วไปหรือหัวข้อเชิงนามธรรม แสดงความเห็น โต้แย้ง หรือแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างมีเหตุผล โดยไม่ทำให้คู่สนทนารู้สึกไม่ดี
- อ่านและวิเคราะห์เนื้อหาที่ซับซ้อน
อ่านหนังสือพิมพ์เชิงวิชาการ บทความเชิงลึก ข้อโต้แย้ง/ความเห็นที่ซับซ้อน และจับใจความหลักหรือวิเคราะห์ได้
- เขียนงานเชิงวิชาการและวิชาชีพได้
เขียนรายงาน บทความ หรือชิ้นงานที่มีความต่อเนื่องของเนื้อหา แม้มีความยาวหรือความซับซ้อนสูงก็ยังสื่อสารชัดเจน
- ใช้ภาษาได้ยืดหยุ่นและแม่นยำ
สามารถปรับการใช้ภาษาให้เหมาะสมกับการทำงาน การเรียน และสถานการณ์ทางสังคมที่หลากหลายได้อย่างลื่นไหล
|
C2
(Proficient)
|
ระดับใกล้เคียง
เจ้าของภาษา
|
- ฟังและเข้าใจได้ทุกสถานการณ์
สามารถเข้าใจบทสนทนาหรือการอภิปรายที่ซับซ้อน รวมถึงการอ้างอิงภาษาพูด สำนวนวัฒนธรรม หรือคำถามที่กดดันได้อย่างมั่นใจ
- สนทนาและอภิปรายเชิงลึกได้
สามารถพูดคุยเรื่องซับซ้อนหรืออ่อนไหว เช่น กฎหมาย การเงิน หรือประเด็นทางสังคม ได้อย่างชัดเจนและมั่นใจ
- อ่านและวิเคราะห์เอกสารซับซ้อนได้
เข้าใจเอกสารทางการ บทความ รายงาน หรือสัญญา รวมถึงแนวคิดซับซ้อนที่แฝงอยู่ในข้อความได้ครบถ้วน
- เขียนได้อย่างเป็นทางการและถูกต้อง
สามารถเขียนจดหมาย รายงาน หรือสรุปการประชุม/สัมมนาที่มีรายละเอียดและความซับซ้อนได้อย่างถูกต้องและมีโครงสร้างดี
- ใช้ภาษาได้เทียบเท่าเจ้าของภาษา
เข้าถึงแหล่งข้อมูลทุกประเภทได้เร็วและแม่นยำ สื่อสารได้ทั้งการเรียน การทำงาน และสังคมโดยไม่มีข้อจำกัดทางภาษา
|
ทำไมการรู้ระดับภาษาอังกฤษของตัวเองจึงสำคัญ?
- วางเป้าหมายการเรียนได้ชัดเจน เช่น ต้องการพัฒนาภาษาจากระดับ B1 ไป B2
- เลือกคอร์สเรียนที่เหมาะสม ไม่เรียนง่ายหรือยากเกินไป
- สมัครสอบ เช่น IELTS, TOEFL, Cambridge ที่มักอ้างอิงกับ CEFR
- ใช้ยื่นสมัครงานหรือเรียนต่อ เพราะหลายองค์กรใช้ CEFR เป็นเกณฑ์วัด
คำถามที่พบบ่อย
Q: วัดระดับภาษาอังกฤษต้องสอบที่ไหน?
A: ปัจจุบันสามารถสอบได้ทั้งออนไลน์และตามศูนย์สอบมาตรฐาน หรือสถาบันสอนภาษาอังกฤษอย่าง Tbiz Education
Q: ถ้าอยากเรียนต่อเมืองนอก ต้องอยู่ระดับไหน?
A: ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยต้องการผลสอบที่เทียบเท่า B2 ขึ้นไป
Q: ใช้เวลานานแค่ไหนในการขยับจาก B1 ไป B2?
A: โดยเฉลี่ยใช้เวลาเรียนและฝึกฝนประมาณ 150 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับพื้นฐานและความสม่ำเสมอของผู้เรียน
การวัดระดับภาษาอังกฤษ ไม่ได้เป็นเพียงการสอบ แต่คือ การรู้จักจุดเริ่มต้นของตัวเอง เพื่อวางแผนพัฒนาทักษะภาษาอย่างตรงจุด CEFR จึงเป็นมาตรฐานที่ช่วยให้เข้าใจความสามารถของตัวเอง และกำหนดเส้นทางการเรียนได้ชัดเจนขึ้น
หากอยากรู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหน หรือเตรียมสอบเพื่อเรียนต่อทำงาน แนะนำลองวัดระดับภาษาอังกฤษ และคอร์สเรียนเฉพาะทางกับ TBiZ Education
- แบบทดสอบตามมาตรฐาน CEFR
- คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ตัวต่อตัว และแบบออนไลน์
- เตรียมสอบ CEFR, IELTS, TOEFL, Cambridge English
สอบถามรายละเอียดคอร์สและการวัดระดับภาษาอังกฤษกับ TBiZ Education ได้ที่นี่

